อาหารขยะ (Jung food)
ทุกวันนี้มีร้านสะดวกซื้อผุดขึ้นมากทุกหัวถนน ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าย่อยที่มีบริษัทแม่คอยดูแลควบคุมมาตรฐาน จัดการผลิตและจัดส่งสินค้าเองทุกอย่าง เป็นร้านค้าที่ทำกำไรแบบเก็บเบี้ยใต้ถุนร้านเอากำไรมากกว่าเขาเล็กๆ น้อยๆ ในทุกชิ้นของสินค้าและสินค้าขบเคี้ยวในร้านเหล่านี้มีเอกลักษณ์เด่น คือ นอกจากจะชอบหลอกเด็ก โดยใส่ถึงพองลมกลบเกลื่อนความน้อยนิดของสินค้าแล้ว สินค้าขบเคี้ยวเหล่านั้นยังเป็นอาหารขยะเสียเป็นส่วนมาก
อาหารขยะ หมายถึง อาหารที่ให้ประโยชน์ทางโภชนาการน้อย และถ้ากินมากก็จะเป็นโทษ อาหารขยะที่ว่านี้ มักจะเป็นอาหารแป้งทอดใส่เกลือ ทำให้กินแล้วมีรสเค็มๆ มันๆ ซึ่งกินไม่รู้สึกอิ่ม แต่อยากกินอยู่เรื่อยๆ และเมื่อกินเกลือเข้าไปมากๆ ก็ทำให้ความดันโลหิตสูง และกระหายน้ำ ต้องควักเงินซื้อน้ำขวด น้ำหวาน น้ำอัดลมดื่มแก้กระหายตามมา นับว่าเป็นการมอมเมาเยาวชนมากขึ้นทุกวัน และขยายลงไปทั่วจนกลายเป็นวัฒนธรรมแทนที่ขนมครก ครองแครง ขนมชั้น ปั้นสิบ ของไทยเรา
นอกจากร้านสะดวกซื้อแล้ว อาหารขยะทอดกรอบใส่เกลือนี้ได้รุกรานวัฒนธรรมไทยเข้าไปถึงโรงมหรสพ เยาวชนไทยทุกวันนี้นิยมกินป๊อปคอร์นหรือข้าวโพดคั่ว และน้ำอัดลมในโรงหนังฝรั่งอเมริกันกันมากขึ้นเรื่อยๆ คนอเมริกันเวลาไปดูหนังนิยมกันอาหารขบเคี้ยว เช่น ข้าวโพดคั่วใส่เกลือแถมใส่เนยด้วย อาหารอเมริกัน มักจะมีการใส่เนยให้มันเข้าไว้ การใส่เนยยิ่งทำให้อาหารขยะเป็นโทษมากขึ้น เขาว่ากันว่า การกินขนมขบเคี้ยวของคนอเมริกันในโรงหนัง ไม่ใช่เพราะหิว แต่เพราะติดนิสัย และเพราะการขบเคี้ยวสามารถแก้อาการตกประหม่าในที่ชุมชนได้ดี ถ้ามีอะไรในปากให้เคี้ยวจั๊บๆ แล้ว ความวิตกกังวลต่อความแปลกหน้าแปลกที่จะลดน้อยลง นิสัยไม่ดีในเรื่องกินอย่างนี้ เริ่มจะระบาดมาเมืองไทยแล้ว เดี๋ยวนี้เมืองไทยเรามีเยาวชนกินป๊อปคอร์นในโรงหนังกันมากขึ้น มีร้านขายป๊อปคอร์นถังใหญ่ พร้อมน้ำอัดลมเข้าไปกินในโรงหนัง นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การขายอาหารขยะ กลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ขึ้นมาได้
นานมาแล้วที่สหรัฐเขาเคยทำการตลาดเรื่องนี้เป็นการใหญ่ คือ เขาลงทุนทำการวิจัยว่า จะทำอย่างไรให้คนดูหนังกินป๊อปคอร์นได้มากขึ้น ก็พบว่า ถ้าทำให้หนังมีฉากทะเลทราย ฉากไฟไหม้ ฉากความแห้งแล้งอยู่ด้วย จะทำให้คนรู้สึกกระหายน้ำมากขึ้น เขาจึงใส่ฉากเหล่านี้เข้าไปในหนังทุกเรื่อง แต่ไม่ใช่ใส่แบบที่คนดูรู้เนื้อรู้ตัว คือ ใส่แบบ Subtiminal คือให้คนดูเห็นแล้วรู้สึกในระดับจิตใต้สำนึก โดยสอดใส่เฟรมภาพกระตุ้นความกระหายจำนวนน้อยๆ เข้าไปในฟิล์ม โดยอาศัยหลักสรีระวิทยาที่ว่า ภาพยนต์คือภาพนิ่งที่เปิด-ปิด เปิด-ปิด ให้เห็นเรียงกันไป วินาทีละหลายสิบภาพ แต่ประสาทตาของคนเราสามารถเห็นและรู้แยกแยะได้จำกัด การสอดใส่เฟรมหนังที่เป็นภาพทะเลทรายเข้าไปหนึ่งเฟรม ไม่สามารถทำให้ตาเราเห็นแล้วจดจำได้ แต่เขาว่าจักษุวิญญาณใต้สำนึกเห็นได้ ทำให้รู้สึกร้อน กระหายน้ำ ทำให้ซื้อน้ำกินมากขึ้น ใครที่เข้าไปดูหนังจึงเป็นเหยื่อของการตลาดอย่างนี้
เมื่อก่อนนี้ วงการแพทย์คิดว่า อาหารมันๆ มีโทษตรงที่ทำให้อ้วนอย่างเดียว แต่ความอ้วนทำให้เป็นโรคอื่นตามมามาก คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด อัมพาต อัมพฤกและอื่นๆ จนถึงโรคขาดรัก เมื่อก่อนเข้าใจว่าไขมันก่อมะเร็งด้วย แต่ไม่รู้ว่ามีกลไกอย่างไร แต่เมื่อเร็วๆ นี้ มีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยสต๊อกโฮล์ม และสำนักอาหารแห่งชาติสวีเดน ในอาหารขบเคี้ยว ซึ่งนิยมกินกันอย่างแพร่หลาย เช่น แผ่นมัน ฝรั่งทอดกรอบ เฟรนช์ฟรายด์ ขนมปังบิสกิต ซีเรียล และขนมปังปอนด์
สารก่อมะเร็ง "อะคลีลาไมต์" นี้ จะเกิดขึ้นมากเมื่อสารอาหารพวกแป้ง เช่น ข้าว มันฝรั่ง ถูกทอด ย่าง หรืออบด้วยความร้อนสูง แต่ถ้าใช้วิธีต้มจะไม่พบสารก่อมะเร็งตัวนี้ "อะคลีลาไมต์" เป็นสารที่ไม่มีสี ละลายน้ำ มีฤทธิ์ทำลายระบบประสาทและก่อมะเร็งได้ องค์การอนามัยโลกได้กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยว่า ต้องมีสาร "อะคลีลาไมต์" ระดับความเข้มข้นไม่เกิน 1 ไมโครกรัม ต่อน้ำดื่ม 1 ลิตร ส่วนสหภาพยุโรปกำลังจะใช้มาตรฐานในเรื่องนี้ที่เข้มงวดมากกว่านั้นในปี 2003 คือ ให้มีได้ไม่เกิน 0.1 ไมโครกรัมต่อลิตร
ในแผ่นมันทอดกรอบจำนวนน้อยๆ แค่ 0.5 กรัม หรือ เฟรนช์ฟรายด์เพียงแค่ 2 กรัม ก็มี "อะคลีลาไมต์" ถึง 0.5 ไมโครกรัมเสียแล้ว ในแผ่นมันฝรั่งทอดกรอบ 1 ถุง อาจจะมีมากถึง 500 เท่าของระดับที่องค์การอนามัยโลกอนุญาตในน้ำดื่ม นับว่ามีโทษมากโขจริงๆ ที่จริงเขาได้ทำการทดลองวิจัยอาหารสำเร็จรูปที่มีขายในตลาดเป็นร้อยยี่ห้อแล้วพบว่ามีสารก่อมะเร็งนี้ แต่ขณะนี้เขายังไม่พร้อมที่จะห้ามขาย แต่เขาได้เตือนอุตสาหกรรมอาหารเหล่านั้น ให้จัดการเฝ้าระวังลดจำนวนสารก่อมะเร็งด้วยตนเอง
อาหารขยะจากแป้งทอด ย่าง ด้วยความร้อนสูง นับวันจะมีมากขึ้นในเมืองไทย การซื้ออาหารเหล่านี้ให้เด็กกินหรือให้เด็กซื้อกินจนติดเป็นนิสัย สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ นอกจากจะทำให้กินอาหารที่มีประโยชน์ทางโภชนาการน้อยแล้ว ยังเป็นอาหารก่อมะเร็งด้วย
ถึงเวลาหรือยังที่คนไทยจะตื่นเสียที อย่าปล่อยให้นักการตลาดเอาสารก่อมะเร็งใส่ถุงพองลมหลอกลวงเราอีกต่อไป
(update 7 มกราคม 2003)[ ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 26 ฉบับที่ 7 กรกฎาคม 2545 ]
อาหารขยะ หมายถึง อาหารที่ให้ประโยชน์ทางโภชนาการน้อย และถ้ากินมากก็จะเป็นโทษ อาหารขยะที่ว่านี้ มักจะเป็นอาหารแป้งทอดใส่เกลือ ทำให้กินแล้วมีรสเค็มๆ มันๆ ซึ่งกินไม่รู้สึกอิ่ม แต่อยากกินอยู่เรื่อยๆ และเมื่อกินเกลือเข้าไปมากๆ ก็ทำให้ความดันโลหิตสูง และกระหายน้ำ ต้องควักเงินซื้อน้ำขวด น้ำหวาน น้ำอัดลมดื่มแก้กระหายตามมา นับว่าเป็นการมอมเมาเยาวชนมากขึ้นทุกวัน และขยายลงไปทั่วจนกลายเป็นวัฒนธรรมแทนที่ขนมครก ครองแครง ขนมชั้น ปั้นสิบ ของไทยเรา
นอกจากร้านสะดวกซื้อแล้ว อาหารขยะทอดกรอบใส่เกลือนี้ได้รุกรานวัฒนธรรมไทยเข้าไปถึงโรงมหรสพ เยาวชนไทยทุกวันนี้นิยมกินป๊อปคอร์นหรือข้าวโพดคั่ว และน้ำอัดลมในโรงหนังฝรั่งอเมริกันกันมากขึ้นเรื่อยๆ คนอเมริกันเวลาไปดูหนังนิยมกันอาหารขบเคี้ยว เช่น ข้าวโพดคั่วใส่เกลือแถมใส่เนยด้วย อาหารอเมริกัน มักจะมีการใส่เนยให้มันเข้าไว้ การใส่เนยยิ่งทำให้อาหารขยะเป็นโทษมากขึ้น เขาว่ากันว่า การกินขนมขบเคี้ยวของคนอเมริกันในโรงหนัง ไม่ใช่เพราะหิว แต่เพราะติดนิสัย และเพราะการขบเคี้ยวสามารถแก้อาการตกประหม่าในที่ชุมชนได้ดี ถ้ามีอะไรในปากให้เคี้ยวจั๊บๆ แล้ว ความวิตกกังวลต่อความแปลกหน้าแปลกที่จะลดน้อยลง นิสัยไม่ดีในเรื่องกินอย่างนี้ เริ่มจะระบาดมาเมืองไทยแล้ว เดี๋ยวนี้เมืองไทยเรามีเยาวชนกินป๊อปคอร์นในโรงหนังกันมากขึ้น มีร้านขายป๊อปคอร์นถังใหญ่ พร้อมน้ำอัดลมเข้าไปกินในโรงหนัง นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การขายอาหารขยะ กลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ขึ้นมาได้
นานมาแล้วที่สหรัฐเขาเคยทำการตลาดเรื่องนี้เป็นการใหญ่ คือ เขาลงทุนทำการวิจัยว่า จะทำอย่างไรให้คนดูหนังกินป๊อปคอร์นได้มากขึ้น ก็พบว่า ถ้าทำให้หนังมีฉากทะเลทราย ฉากไฟไหม้ ฉากความแห้งแล้งอยู่ด้วย จะทำให้คนรู้สึกกระหายน้ำมากขึ้น เขาจึงใส่ฉากเหล่านี้เข้าไปในหนังทุกเรื่อง แต่ไม่ใช่ใส่แบบที่คนดูรู้เนื้อรู้ตัว คือ ใส่แบบ Subtiminal คือให้คนดูเห็นแล้วรู้สึกในระดับจิตใต้สำนึก โดยสอดใส่เฟรมภาพกระตุ้นความกระหายจำนวนน้อยๆ เข้าไปในฟิล์ม โดยอาศัยหลักสรีระวิทยาที่ว่า ภาพยนต์คือภาพนิ่งที่เปิด-ปิด เปิด-ปิด ให้เห็นเรียงกันไป วินาทีละหลายสิบภาพ แต่ประสาทตาของคนเราสามารถเห็นและรู้แยกแยะได้จำกัด การสอดใส่เฟรมหนังที่เป็นภาพทะเลทรายเข้าไปหนึ่งเฟรม ไม่สามารถทำให้ตาเราเห็นแล้วจดจำได้ แต่เขาว่าจักษุวิญญาณใต้สำนึกเห็นได้ ทำให้รู้สึกร้อน กระหายน้ำ ทำให้ซื้อน้ำกินมากขึ้น ใครที่เข้าไปดูหนังจึงเป็นเหยื่อของการตลาดอย่างนี้
เมื่อก่อนนี้ วงการแพทย์คิดว่า อาหารมันๆ มีโทษตรงที่ทำให้อ้วนอย่างเดียว แต่ความอ้วนทำให้เป็นโรคอื่นตามมามาก คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด อัมพาต อัมพฤกและอื่นๆ จนถึงโรคขาดรัก เมื่อก่อนเข้าใจว่าไขมันก่อมะเร็งด้วย แต่ไม่รู้ว่ามีกลไกอย่างไร แต่เมื่อเร็วๆ นี้ มีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยสต๊อกโฮล์ม และสำนักอาหารแห่งชาติสวีเดน ในอาหารขบเคี้ยว ซึ่งนิยมกินกันอย่างแพร่หลาย เช่น แผ่นมัน ฝรั่งทอดกรอบ เฟรนช์ฟรายด์ ขนมปังบิสกิต ซีเรียล และขนมปังปอนด์
สารก่อมะเร็ง "อะคลีลาไมต์" นี้ จะเกิดขึ้นมากเมื่อสารอาหารพวกแป้ง เช่น ข้าว มันฝรั่ง ถูกทอด ย่าง หรืออบด้วยความร้อนสูง แต่ถ้าใช้วิธีต้มจะไม่พบสารก่อมะเร็งตัวนี้ "อะคลีลาไมต์" เป็นสารที่ไม่มีสี ละลายน้ำ มีฤทธิ์ทำลายระบบประสาทและก่อมะเร็งได้ องค์การอนามัยโลกได้กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยว่า ต้องมีสาร "อะคลีลาไมต์" ระดับความเข้มข้นไม่เกิน 1 ไมโครกรัม ต่อน้ำดื่ม 1 ลิตร ส่วนสหภาพยุโรปกำลังจะใช้มาตรฐานในเรื่องนี้ที่เข้มงวดมากกว่านั้นในปี 2003 คือ ให้มีได้ไม่เกิน 0.1 ไมโครกรัมต่อลิตร
ในแผ่นมันทอดกรอบจำนวนน้อยๆ แค่ 0.5 กรัม หรือ เฟรนช์ฟรายด์เพียงแค่ 2 กรัม ก็มี "อะคลีลาไมต์" ถึง 0.5 ไมโครกรัมเสียแล้ว ในแผ่นมันฝรั่งทอดกรอบ 1 ถุง อาจจะมีมากถึง 500 เท่าของระดับที่องค์การอนามัยโลกอนุญาตในน้ำดื่ม นับว่ามีโทษมากโขจริงๆ ที่จริงเขาได้ทำการทดลองวิจัยอาหารสำเร็จรูปที่มีขายในตลาดเป็นร้อยยี่ห้อแล้วพบว่ามีสารก่อมะเร็งนี้ แต่ขณะนี้เขายังไม่พร้อมที่จะห้ามขาย แต่เขาได้เตือนอุตสาหกรรมอาหารเหล่านั้น ให้จัดการเฝ้าระวังลดจำนวนสารก่อมะเร็งด้วยตนเอง
อาหารขยะจากแป้งทอด ย่าง ด้วยความร้อนสูง นับวันจะมีมากขึ้นในเมืองไทย การซื้ออาหารเหล่านี้ให้เด็กกินหรือให้เด็กซื้อกินจนติดเป็นนิสัย สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ นอกจากจะทำให้กินอาหารที่มีประโยชน์ทางโภชนาการน้อยแล้ว ยังเป็นอาหารก่อมะเร็งด้วย
ถึงเวลาหรือยังที่คนไทยจะตื่นเสียที อย่าปล่อยให้นักการตลาดเอาสารก่อมะเร็งใส่ถุงพองลมหลอกลวงเราอีกต่อไป
(update 7 มกราคม 2003)[ ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 26 ฉบับที่ 7 กรกฎาคม 2545 ]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น